การแต่งคำประพันธ์

การแต่งคำประพันธ์
การแต่งคำประพันธ์เป็นงานที่ผู้เรียนสามารถนำไปใช้กับอาชีพต่างๆ ได้ โดยจะต้องมีความสามารถในการถ่ายทอดเรื่องราว ความรู้สึกนึกคิด อารมณ์ และจินตนาการผ่านตัวอักษรและถ้อยคำที่ไพเราะ คล้องจองและถูกต้องตามรูปแบบฉันทลักษณ์
ความหมายของคำประพันธ์
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน (2542 : 602) ได้ให้ความหมายของคำประพันธ์หรือบทร้อยกรองไว้ว่า ถ้อยคำที่เรียบเรียงให้เป็นระเบียบตามบัญญัติแห่งฉันทลักษณ์
แบบเรียนภาษาไทยของกรมการศึกษานอกโรงเรียน ได้ให้ความหมายของคำประพันธ์ไว้ว่า การนำถ้อยคำมาเรียบเรียงให้เป็นระเบียบตามที่บัญญัติไว้ในตำราว่าด้วยการแต่งโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน และร่าย
สรุปได้ว่า คำประพันธ์ คือ การเรียบเรียงถ้อยคำตามระเบียบฉันลักษณ์
ประเภทของคำประพันธ์
ประเภทของคำประพันธ์ที่เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไป มี 5 ประเภท คือ ร่าย โคลง กาพย์ กลอน และฉันท์
แบบเรียนภาษาไทยของกรมการศึกษานอกโรงเรียน ได้ให้ความหมายของคำประพันธ์ไว้ว่า การนำถ้อยคำมาเรียบเรียงให้เป็นระเบียบตามที่บัญญัติไว้ในตำราว่าด้วยการแต่งโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน และร่าย
สรุปได้ว่า คำประพันธ์ คือ การเรียบเรียงถ้อยคำตามระเบียบฉันลักษณ์
ประเภทของคำประพันธ์
ประเภทของคำประพันธ์ที่เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไป มี 5 ประเภท คือ ร่าย โคลง กาพย์ กลอน และฉันท์
คำประพันธ์ที่นิยมนำไปประกอบอาชีพต่าง
ๆ มีดังนี้
1. ร่าย เป็นคำประพันธ์ที่แบ่งเป็นวรรค ๆ วรรคละ 5 คำ มีการส่งสัมผัสระหว่างวรรค
โดยคำสุดท้ายของวรรคต้น จะส่งสัมผัสไปยังคำที่ 1 – 3 ของวรรคถัดไป และจะส่งสัมผัสต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ ซึ่งการจบของร่ายจะจบด้วยโคลงสองสุภาพ ร่ายที่นิยมแต่งมากที่สุด คือ ร่ายสุภาพ ซึ่งมีแผนผังบังคับ ดังนี้
ตัวอย่างร่าย
จักดำเนินในเบื้อง เรื่องราชพงศาวดาร บรรหารเหตุแผ่นภูว์
ชูพระยศเจ้าหล้า อยู่คุ้งฟ้าคุ้งดิน เฉกเพลงพิณไพเราะห์
เสนาะโคตรสำนวน เป็นศุภสารเสาวนิตย.... ดื่นแสนยากลากลาด
ดาษพลช้างพลม้า พอพิรุณแผ้วฟ้า จักผ้ายพลจร
(ลิลิตตะเลงพ่าย)
กลวิธีในการแต่งคำประพันธ์ประเภทต่างๆ
กลวิธีในการแต่งร่าย
การแต่งร่ายมีกลวิธี ดังนี้
1. กำหนดแนวคิดหรือเรื่องราวที่ต้องการสื่อ โดยวางโครงเรื่องให้เป็นร้อยแก้วธรรมดาเสียก่อน
2. เลือกเฟ้นถ้อยคำให้ได้เท่ากับจำนวนคำภายในหนึ่งวรรค
3. พิจารณาจังหวะลีลาให้คล้องจองและกลมกลืนกันกับวรรคอื่น
4. พิจารณาความหมายให้ตรงประเด็นกับเรื่องราวที่ต้องการสื่อ หากมีการใช้คำที่ไม่ตรงความหมาย ให้เลือกเฟ้นถ้อยคำที่มีความหมายตามต้องการ
5. ตรวจทานสัมผัสระหว่างวรรคให้ถูกต้อง
ตัวอย่างการใช้ร่ายในการเขียนเนื้อหาข่าว รายงานข่าว หรือการวิจารณ์ข่าว เพื่อให้มีลีลาคล้องจองและมีจังหวะดึงดูดความสนใจของผู้ฟังมากกว่าการใช้ร้อยแก้วแบบปกติ เช่น
“ประชาชนในย่านนี้ ว่าไปมีหลายประเภท บางคนเป็นผู้มีการศึกษาดี มีงานทำ มีหน้ามีตา บางคนอาจเป็นพ่อค้นแม่ขาย บางคนก็เป็นผู้ที่ไปจับจ่ายใช้สอย มีไม่น้อยที่ไม่ใช้สะพานลอยที่สร้างไว้ให้ข้ามถนน บุคคลเหล่านี้ใช้สะพานลอยเป็นเพียงเครื่องประดับถนน ยอมเสี่ยงตนกับการถูกรถราเฉี่ยวชน
เดินข้ามถนนใต้สะพานลอย คนจำนวนไม่น้อย มีอยู่ทั่วไปในกรุงเทพในทุกวันนี้...”
(ข่าวเพื่อพัฒนาสังคม ช่อง 7 สี)
2. โคลง เป็นคำประพันธ์ที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้น โคลงมีหลายประเภท แต่ที่เป็นที่นิยมใช้อยู่ในปัจจุบัน คือ โคลงสี่สุภาพ ซึ่งมีแผนผังบังคับ ดังนี้

ตัวอย่างโคลงสี่สุภาพ
เสียงลือเสียงเล่าอ้าง อันใด พี่เอย
เสียงย่อมยอยศใคร ทั่วหล้า
สองเขือพี่หลับใหล ลืมตื่น ฤๅพี่
สองพี่คิดเองอ้า อย่าได้ถามเผือ
การแต่งโคลงสี่สุภาพมีกลวิธี ดังนี้
1. วางโครงเรื่องของเนื้อหาหรือแนวคิดที่ต้องการจะสื่อเป็นร้อยแก้วเสียก่อน
2. เลือกสรรถ้อยคำ มาเรียงร้อยตามรูปแบบโคลงให้ได้สัมผัสและเอกโทตามที่บังคับ
3. พิจารณาความหมายให้ตรงกับเนื้อหาหรือแนวคิดที่วางไว้
4. กาพย์ เป็นคำประพันธ์ที่เกิดขึ้นสมัยอยุธยาตอนกลาง ลักษณะบังคับของกาพย์บังคับจำนวนคำและสัมผัส กาพย์ซึ่งเป็นที่นิยมกันมาก คือ กาพย์ยานี 11 เพราะเป็นกาพย์ที่มีลีลาไพเราะ อ่อนหวาน และเหมาะกับการพรรณนาความ พรรณนาธรรมชาติ พรรณนาอารมณ์และความรู้สึกโศกเศร้า คร่ำครวญ กาพย์ยานี 11 มีแผนผังบังคับ ดังนี้

ตัวอย่างกาพย์ยานี 11
ขึ้นกกตกทุกข์ยาก แสนลำบากจากเวียงชัย
มันเผือกเลือกเผาไฟ กินผลไม้ได้เป็นแรง
รอนรอนอ่อนอัศดง พระสุริยงเย็นยอแสง
ช่วงดังน้ำครั่งแดง แฝงเมฆเขาเงาเมรุธร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น