วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2561

แบบทดสอบหลังเรียน

แบบทดสอบหลังเรียน

คำชี้แจง  ให้นักเรียนทำเครื่องหมาย  x  ลงในกระดาษคำตอบที่กำหนดให้

    1. คำว่า "พหูสูต"  มีความหมายว่าอย่างไร ?ก.  ผู้ที่คิดมาก  
    ข.  ผู้เรียนมาก  ค.  ผู้ที่เขียนมาก  ง.  ผู้ที่พูดมาก  2. พุทธศาสนสุภาษิตที่ว่า "สุสฺสูสํ  ลภเต  ปญฺญํ"  แปลได้ว่าอย่างไร ?
    ก.  ผู้ตั้งใจพูดดีย่อมได้ปัญญา  ข.  ผู้ตั้งใจเขียนดีย่อมได้ปัญญา  ค.  ผู้ตั้งใจฟังดีย่อมได้ปัญญา  ง.  ผู้ตั้งใจอ่านดีย่อมได้ปัญญา  
    3. ข้อใดคือประโยชน์ของการฟัง ?
    ก. ฟังเพื่อเพิ่มพูนความรู้
    ข. ฟังคนนินทากันเพื่อนำไปเล่าต่อ
    ค. ฟังเพื่อนำไปโต้เถียงกันในภายหลัง
    ง. ถูกทุกข้อ

    4. บทบาทของการฟังในชีวิตประจำวัน คือข้อใด ?
    ก.  การรับรู้ข่าวสาร  
    ข.  การแสวงหาความรู้  
    ค.  การพักผ่อนหย่อนใจ  
    ง.  ถูกทุกข้อ  

    5. ข้อใดไม่ใช้วิธีการช่วยพัฒนาประสิทธิภาพในการฟัง ?
    ก.  เตรียมตัวก่อนฟัง  
    ข.  ฟังโดยมีอคติกับผู้พูดเพื่อจับผิด  
    ค.  สร้างความสนใจและต้องการที่จะฟัง
    ง.  ฟังด้วยความตั้งใจ

    6. ข้อใดไม่ใช่มารยาทในการฟัง ?
    ก.  ฟังด้วยความตั้งใจ  
    ข.  ฟังเฉพาะผู้พูดที่เราชอบ  
    ค.  ฟังด้วยความสนใจ  
    ง.  มีปฏิสัมพันธ์กับผู้พูด

    7. การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้พูด คือข้อใด ?
    ก.  พยักหน้า  ยิ้ม  ตอบคำถาม
    ข.  พูดทักท้วงทันทีเมื่อผู้พูดพูดผิด  
    ค.  นำของขวัญไปมอบให้กับผู้พูด
    ง.  รู้จักกับผู้พูดเป็นอย่างดี  

    8. ข้อใดมิใช่ทักษะในการรับรู้ข่าวสารของผู้ดู ?
    ก.  ผู้ดูใช้หลักการพิจารณา  หรือการวิเคราะห์เบื้องต้น  
    ข.  สามารถดูแล้วนำไปเขียนเป็นเรื่องของตัวเองได้
    ค.  พิจารณาประโยชน์ที่ได้รับจากการดู
    ง.  สามารถแสดงทัศนะจากการดูได้

    9. ข้อใดเป็นประเภทของการจดบันทึกตามโครงสร้างการพูด ?
    ก.  ประเภทลำดับความคิด
    ข. ประเภทรายงาน
    ค. ประเภทแจงนับ
    ง. ไม่มีข้อใดถูก

    10. ข้อใดเป็นวิธีการฟังเพื่อวิเคราะห์ ?
    ก.  ฟังเรื่องราวให้ตลอด  จับใจความสำคัญ
    ข.  ฟังแล้วบอกว่าผู้พูดมีเจตนาในการพูดอย่างไร
    ค.  ฟังแล้วบอกว่าเรื่องราวที่พูดนั้นเชื่อถือได้หรือไม่  เพราะเหตุใด
    ง.  ถูกทุกข้อ

    11 . เวตาลมาจากหนังสือเรื่องอะไ
     ก.เวตาลศาลติศีล       ข.เวตาลปัญจวิงศติ         ค.เวตาลพุทธิศรีระ          ง.เวตาลเทวนาครี
    12.นิทานเวตาลเขียนด้วยภาษาใด
        ก.อังกฤษ                   ข.บาลี                          ค.สันสกฤต                    ง.ฝรั่งเศส
    13.นามปากกากรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ที่ใช้ในการเรียบเรียงเวตาลคืออะไร
        ก.รัชนี                       ข.กชกร                          ค.พ.ส.ม.                       ง. น.ม.ส.
    14. กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์นำต้นฉบับของผู้ใดมาแปลเป็นภาษาไทย
        ก.ริชาร์ด เบอร์ตัน        ข.ริชาร์ด เกียร์                 ค.โรเบิร์ต ยอร์ก               ง.โรเบิร์ต คลิบแลนด์
    15.นิทานเวตาลมีทั้งหมดกี่เรื่อง

       ก.๑๐                ข.๑๕           ค.๒๐           ง.๒๕




บททดสอบก่อนเรียน

แบบทดสอบก่อนเรียน

คำชี้แจง  จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว

1. หัวใจของการสื่อสาร คืออะไร
ก. สาร
ข. ผู้ส่งสาร
ค. ภาษาที่ใช้
ง. ผู้รับสาร


2. การใช้ภาษาให้เหมาะแก่สัมพันธภาพระหว่างบุคคล กาลเทศะ สื่อที่ใช้ส่งสารควรคำนึงถึงข้อใด
ก. ราชาศัพท์
ข. ความหมายของคำ
ค. ระดับภาษา
ง. การเรียงลำดับคำ


3. ข้อใดเป็นปัจจัยกำหนดระดับภาษา
ก. โอกาสและสถานที่
ข. สัมพันธภาพระหว่างบุคคล
ค. ลักษณะของเนื้อหาและสื่อที่ใช้ส่งสาร
ง. ถูกทุกข้อ


4. ระดับภาษาแสดงให้เห็นว่าวัฒนธรรมไทยมีลักษณะเช่นไร
ก. มีการแบ่งชั้นวรรณะ
ข. นิยมลดหลั่นชั้นเชิง
ค. มีการแบ่งฐานะของบุคคล
ง. มีระบบศักดินามาแต่เดิม


อ่านเรื่องต่อไปนี้แล้วตอบคำถามข้อ 5
“นอกจากเข้ามาอ่านหนังสือแล้วอีกสิ่งหนึ่งซึ่งดึงดูดนักศึกษาให้เข้าห้องสมุด คือบรรยากาศและสภาพแวดล้อมที่ดีมากสำหรับการอ่านหรือเขียนรายงาน หรือแม้มาสงบสติอารมณ์จากการทำงานอย่างเคร่งเครียด ในหอพัก ในโรงอาหาร เหมือนกันทุกที่ คือ หนวกหูและไม่ค่อยเป็นระเบียบ ยากจะทำงานที่ใช้ความคิดและจินตนาการได้ ทุกคนจึงมีความหวังเหมือนกันว่าห้องสมุดจะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ให้ใครมาละเมิดความสงบ ความร่มรื่น และความคิดฝันของคนอื่นได้”

          5. ข้อใดคือใจความสำคัญ
         ก. ห้องสมุดคือสถานที่ที่นักศึกษาต้องการสมาธิในการอ่าน
         ข. บรรยากาศและสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งของห้องสมุดนอกจากหนังสือ
         ค. โรงอาหารเป็นสถานที่ที่วุ่นวาย มีเสียงดังทำให้นักศึกษาไม่มีสมาธิทำรายงานหรือใช้ความคิด
         ง. ทุกคนมีความคาดหวังว่าห้องสมุดจะเป็นสถานที่เงียบสงบ ร่มรื่น เหมาะสำหรับอ่านหนังสือและ               ใช้ความคิด


6. “การอยู่ร่วมกับคนพาลเป็นทุกข์ เหมือนกับอยู่กับศัตรู” หมายความว่าอย่างไร 
ก. การอยู่ร่วมกันต้องรักกัน
ข. เพื่อนที่รักกันต้องคอยตักเตือนกัน
ค. การมีเพื่อนไม่ดีมีแต่ความเดือนร้อน
ง. เพื่อนที่มีแต่ความทุกข์เหมือนเพื่อนที่เป็นศัตรูกับเรา


7. ความรักเหมือนโรคา บันดาลตาให้มืดมน
ไม่ยินและไม่ยล อุปสรรคใดใด”
บทร้อยกรองนี้กล่าวถึงเรื่องใด 
ก. ความลุ่มหลงในความรัก   ข. ความยิ่งใหญ่ของความรัก
ค. ความหายนะของความรัก   ง. ความประเสริฐของความรัก


8. ข้อใดไม่ใช่หลักการอ่านจับใจความเพื่อนำเรื่องมาเล่าที่เหมาะสม 
ก. อ่านเฉพาะเนื้อหาสำคัญตามลำดับเพื่อไม่ให้ผู้ฟังสับสน
ข. ตั้งคำถามขณะเล่าเรื่องว่าใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไร และอย่างไร
ค. สรุปประเด็นสำคัญหรือข้อคิดที่ได้รับจากการอ่านให้ผู้ฟังทราบทุกครั้ง
ง. เล่าเรื่องเสียงดังฟังชัด มีลีลา น้ำเสียงเหมาะสมกับเนื้อเรื่องอาจใช้ท่าทางประกอบได้


9. การเขียนบันทึกความรู้จากการอ่าน ผู้เขียนต้องมีความสามารถในเรื่องใดมากที่สุด 
ก. การจับใจความสำคัญ
ข. การตีความเรื่องที่อ่าน
ค. การเชื่อมโยงหัวข้อสำคัญ
ง. การขยายความเรื่องที่อ่าน


10. สิ่งใดสำคัญที่สุดในการบันทึกความรู้จากการอ่าน 
ก. วิธีบันทึก
ข. วัตถุประสงค์ในการอ่าน
ค. วิธีการสำรวจข้อมูลที่จะบันทึก
ง. วัตถุประสงค์ในการบันทึกข้อมูล 
11. นิทานเวตาลมีที่มาจากหนังสือเรื่องอะไร
ก.เวตาลศาลติศีล   ข.เวตาลปัญจวิงศติ       ค.เวตาลพุทธิศรีระ   ง.เวตาลเทวนาครี

         12.นิทานเวตาลเขียนด้วยภาษาใด
ก.อังกฤษ ข.บาลี ค.สันสกฤต ง.ฝรั่งเศส

13.นามปากกากรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ใช้ในการเรียบเรียงเวตาลคืออะไร 
ก.รัชนี ข.กชกร ค.พ.ส.ม. ง. น.ม.ส.


14. กรมหมื่นพิทยาลงกรณนำต้นฉบับของผู้ใดมาแปลเป็นภาษาไทย 
ก.ริชาร์ด เบอร์ตัน ข.ริชาร์ด เกียร์ ค.โรเบิร์ต ยอร์ก ง.โรเบิร์ต คลิบแลนด์

หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 การเแต่งคำประพันธ์

การแต่งคำประพันธ์


                       ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ การแต่งคำประพันธ์

การแต่งคำประพันธ์

                การแต่งคำประพันธ์เป็นงานที่ผู้เรียนสามารถนำไปใช้กับอาชีพต่างๆ ได้ โดยจะต้องมีความสามารถในการถ่ายทอดเรื่องราว  ความรู้สึกนึกคิด  อารมณ์ และจินตนาการผ่านตัวอักษรและถ้อยคำที่ไพเราะ  คล้องจองและถูกต้องตามรูปแบบฉันทลักษณ์

ความหมายของคำประพันธ์

                พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน  (2542 602)  ได้ให้ความหมายของคำประพันธ์หรือบทร้อยกรองไว้ว่า ถ้อยคำที่เรียบเรียงให้เป็นระเบียบตามบัญญัติแห่งฉันทลักษณ์
                แบบเรียนภาษาไทยของกรมการศึกษานอกโรงเรียน  ได้ให้ความหมายของคำประพันธ์ไว้ว่า การนำถ้อยคำมาเรียบเรียงให้เป็นระเบียบตามที่บัญญัติไว้ในตำราว่าด้วยการแต่งโคลง  ฉันท์ กาพย์  กลอน  และร่าย 
                สรุปได้ว่า  คำประพันธ์ คือ การเรียบเรียงถ้อยคำตามระเบียบฉันลักษณ์
ประเภทของคำประพันธ์
                ประเภทของคำประพันธ์ที่เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไป  มี 5  ประเภท  คือ ร่าย  โคลง  กาพย์ กลอน  และฉันท์
                

คำประพันธ์ที่นิยมนำไปประกอบอาชีพต่าง
ๆ มีดังนี้
                1.   ร่าย  เป็นคำประพันธ์ที่แบ่งเป็นวรรค ๆ วรรคละ 5  คำ  มีการส่งสัมผัสระหว่างวรรค
โดยคำสุดท้ายของวรรคต้น  จะส่งสัมผัสไปยังคำที่  1 – 3 ของวรรคถัดไป และจะส่งสัมผัสต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ ซึ่งการจบของร่ายจะจบด้วยโคลงสองสุภาพ  ร่ายที่นิยมแต่งมากที่สุด  คือ  ร่ายสุภาพ ซึ่งมีแผนผังบังคับ  ดังนี้
                  ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ โคลง2.สุภาพ
ตัวอย่างร่าย
                จักดำเนินในเบื้อง                เรื่องราชพงศาวดาร            บรรหารเหตุแผ่นภูว์
ชูพระยศเจ้าหล้า                                  อยู่คุ้งฟ้าคุ้งดิน                      เฉกเพลงพิณไพเราะห์
เสนาะโคตรสำนวน                            เป็นศุภสารเสาวนิตย....     ดื่นแสนยากลากลาด
ดาษพลช้างพลม้า                                พอพิรุณแผ้วฟ้า                    จักผ้ายพลจร
(ลิลิตตะเลงพ่าย)


กลวิธีในการแต่งคำประพันธ์ประเภทต่างๆ
กลวิธีในการแต่งร่าย
                การแต่งร่ายมีกลวิธี  ดังนี้
                1.   กำหนดแนวคิดหรือเรื่องราวที่ต้องการสื่อ  โดยวางโครงเรื่องให้เป็นร้อยแก้วธรรมดาเสียก่อน
                2.  เลือกเฟ้นถ้อยคำให้ได้เท่ากับจำนวนคำภายในหนึ่งวรรค
                3.  พิจารณาจังหวะลีลาให้คล้องจองและกลมกลืนกันกับวรรคอื่น
                4.  พิจารณาความหมายให้ตรงประเด็นกับเรื่องราวที่ต้องการสื่อ  หากมีการใช้คำที่ไม่ตรงความหมาย  ให้เลือกเฟ้นถ้อยคำที่มีความหมายตามต้องการ
                5.   ตรวจทานสัมผัสระหว่างวรรคให้ถูกต้อง
                ตัวอย่างการใช้ร่ายในการเขียนเนื้อหาข่าว  รายงานข่าว หรือการวิจารณ์ข่าว เพื่อให้มีลีลาคล้องจองและมีจังหวะดึงดูดความสนใจของผู้ฟังมากกว่าการใช้ร้อยแก้วแบบปกติ  เช่น
                “ประชาชนในย่านนี้    ว่าไปมีหลายประเภท   บางคนเป็นผู้มีการศึกษาดี   มีงานทำ มีหน้ามีตา บางคนอาจเป็นพ่อค้นแม่ขาย บางคนก็เป็นผู้ที่ไปจับจ่ายใช้สอย มีไม่น้อยที่ไม่ใช้สะพานลอยที่สร้างไว้ให้ข้ามถนน  บุคคลเหล่านี้ใช้สะพานลอยเป็นเพียงเครื่องประดับถนน  ยอมเสี่ยงตนกับการถูกรถราเฉี่ยวชน
เดินข้ามถนนใต้สะพานลอย คนจำนวนไม่น้อย มีอยู่ทั่วไปในกรุงเทพในทุกวันนี้...”
(ข่าวเพื่อพัฒนาสังคม  ช่อง 7  สี)
                2.   โคลง เป็นคำประพันธ์ที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้น  โคลงมีหลายประเภท  แต่ที่เป็นที่นิยมใช้อยู่ในปัจจุบัน  คือ โคลงสี่สุภาพ ซึ่งมีแผนผังบังคับ  ดังนี้
               
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ โคลง4 สุภาพ

ตัวอย่างโคลงสี่สุภาพ
                                                เสียงลือเสียงเล่าอ้าง                            อันใด  พี่เอย
                                เสียงย่อมยอยศใคร                                              ทั่วหล้า
                                สองเขือพี่หลับใหล                                             ลืมตื่น  ฤๅพี่
                                สองพี่คิดเองอ้า                                                    อย่าได้ถามเผือ
               
  การแต่งโคลงสี่สุภาพมีกลวิธี  ดังนี้
1.   วางโครงเรื่องของเนื้อหาหรือแนวคิดที่ต้องการจะสื่อเป็นร้อยแก้วเสียก่อน
2.   เลือกสรรถ้อยคำ มาเรียงร้อยตามรูปแบบโคลงให้ได้สัมผัสและเอกโทตามที่บังคับ
3.   พิจารณาความหมายให้ตรงกับเนื้อหาหรือแนวคิดที่วางไว้
4.   กาพย์ เป็นคำประพันธ์ที่เกิดขึ้นสมัยอยุธยาตอนกลาง ลักษณะบังคับของกาพย์บังคับจำนวนคำและสัมผัส  กาพย์ซึ่งเป็นที่นิยมกันมาก  คือ กาพย์ยานี  11  เพราะเป็นกาพย์ที่มีลีลาไพเราะ  อ่อนหวาน และเหมาะกับการพรรณนาความ พรรณนาธรรมชาติ พรรณนาอารมณ์และความรู้สึกโศกเศร้า คร่ำครวญ  กาพย์ยานี  11 มีแผนผังบังคับ  ดังนี้


                        ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ กาพย์ยานี11


ตัวอย่างกาพย์ยานี 11
                                ขึ้นกกตกทุกข์ยาก                                แสนลำบากจากเวียงชัย
                มันเผือกเลือกเผาไฟ                                           กินผลไม้ได้เป็นแรง
                                รอนรอนอ่อนอัศดง                            พระสุริยงเย็นยอแสง
                ช่วงดังน้ำครั่งแดง                                               แฝงเมฆเขาเงาเมรุธร

   


ที่มา http://thaipoet-verse.blogspot.com


หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 นิทานเวตาล

นิทานเวตาล


                                     ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ นิทานเวตาล


ความเป็นมา


                นิทานเวตาล ฉบับนิพนธ์ พระราชวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ มีที่มาจากวรรณกรรมสันสกฤตของอินเดีย  โดยมีชื่อเดิมว่า เวตาลปัญจวิงศติ” ศิวทาสได้แต่งไว้ในสมัยโบราณ                  ต่อมาได้มีผู้นำนิทานเวตาลทั้งฉบับภาษาสันสกฤตและภาษาฮินดีมาแปลเป็นภาษาอังกฤษ โดยร้อยเอก เซอร์ ริชาร์ด เอฟ. เบอร์ตัน  ก็ได้นำมาแปลและเรียบเรียงแต่งแปลงเป็นสำนวนภาษาของตนเองให้คนอังกฤษอ่าน แต่ไม่ครบทั้ง 25 เรื่อง กรมหมื่นพิทยาลงกรณ ได้ทรงแปลนิทานเวตาลจากฉบับของเบอร์ตัน จำนวน 9 เรื่อง และจากฉบับแปลสำนวนของ ซี. เอช. ทอว์นีย์   อีก 1 เรื่อง รวมเป็นฉบับภาษาไทยของกรมหมื่นพิทยาลงกรณ 10 เรื่อง เมื่อ พ.ศ. 2461                   นิทานเวตาลเป็นนิทานที่มีลักษณะเป็นนิทานซับซ้อนนิทาน คือ มีนิทานเรื่องย่อยซ้อนอยู่ในนิทานเรื่องใหญ่




ประวัติผู้แต่ง

            พระราชวงศ์เธอ    กรมหมื่นพิทยาลงกรณ ทรงชำนาญด้านภาษาและวรรณคดีเป็นพิเศษ ได้ทรงนิพนธ์หนังสือไว้มากมายโดยใช้นามแฝงว่า น.ม.ส. ซึ่งทรงเลือกจากตัวอักษรตัวหลังพยางค์ของพระนาม (พระองค์เจ้า) รัชนีแจ่มจรัส




ลักษณะคำประพันธ์


           นิทานเวตาล แต่งเป็นร้อยแก้ว    โดยนำทำนองเขียนร้อยแก้วของฝรั่งมาปรับเข้ากับสำนวนไทยได้อย่างกลมกลืน และไม่ทำให้เสียอรรถรส แต่กลับทำให้ภาษาไทยมีชีวิตชีวา จึงได้รับยกย่องเป็นสำนวนร้อยแก้วที่ใหม่ที่สุดในยุคนั้น เรียกว่า สำนวน น.ม.ส.                    ในโบราณกาล มีเมืองที่ใหญ่เมืองหนึ่งชื่อ กรุงธรรมปุระ พระราชาทรงพระนามว่า ท้าวมหาพล มีพระมเหสีที่ทรงสิริโฉมงดงามแม้มีพระราชธิดาที่ทรงเจริญวัยแล้ว ต่อมาได้เกิดศึกสงครามทหารของท้าวเอาใจออกห่าง ทำให้ทรงพ่ายแพ้ พระองค์จึงทรงพาพระมเหสีและพระราชธิดาหลบหนีออกจากเมืองเพื่อไปเมืองเดิมของพระมเหสี ในระหว่างทางท้าวมหาพลได้ถูกโจรรุมทำร้ายเพื่อชิงทรัพย์และสิ่งของมีค่า จนพระองค์สิ้นพระชนม์ จนพระราชธิดาและพระมเหสีเสด็จหนีเข้าไปในป่าลึก   ในเวลานั้นมีพระราชาทรงพระนามว่า ท้าวจันทรเสน กับพระราชบุตร ได้เสด็จมาประพาสป่าและพบรอยเท้าของสตรีซึ่งเมื่อพบสตรีทั้งสองจะให้รอยเท้าที่ใหญ่เป็นพระมเหสีของท้าวจันทรเสน และรอยเท้าที่เล็กเป็นพระชายาของพระราชบุตร แต่เมื่อพบนางทั้งก็ปรากฏว่า รอยเท้าที่ใหญ่คือพระราชธิดา และรอยเท้าที่เล็ก นั้นคือ พระราชมารดา ดังนั้นพระราชธิดาจึงเป็นพระมเหสีของท้าวจันทรเสน และพระมารดาได้เป็นพระชายาของพระราชบุตร 


เนื้อเรื่อง


          วตาลกล่าวว่า ครั้งนี้ข้าพเจ้าเขม่นตาซ้ายหัวใจเต้นแรง แลตาก็มืดมัวเหมือนลางไม่ดีเสียแล้ว  แต่ข้าพเจ้าจะเล่าเรื่องจริงถวาย แลเหตุที่ข้าพเจ้าเบื่อหน่ายที่ต้องถูกแบกหามไปหามมา           ในโบราณกาล มีเมืองที่ใหญ่เมืองหนึ่งชื่อ กรุงธรรมปุระ พระราชาทรงพระนามว่า ท้าวมหาพล มีพระมเหสีที่ทรงสิริโฉมงดงามแม้มีพระราชธิดาที่ทรงเจริญวัยแล้ว ต่อมาได้เกิดศึกสงครามทหารของท้าวเอาใจออกห่าง ทำให้ทรงพ่ายแพ้ พระองค์จึงทรงพาพระมเหสีและพระราชธิดาหลบหนีออกจากเมืองเพื่อไปเมืองเดิมของพระมเหสี ในระหว่างทางท้าวมหาพลได้ถูกโจรรุมทำร้ายเพื่อชิงทรัพย์และสิ่งของมีค่า จนพระองค์สิ้นพระชนม์ จนพระราชธิดาและพระมเหสีเสด็จหนีเข้าไปในป่าลึก            ในเวลานั้นมีพระราชาทรงพระนามว่า ท้าวจันทรเสน กับพระราชบุตร ได้เสด็จมาประพาสป่าและพบรอยเท้าของสตรีซึ่งเมื่อพบสตรีทั้งสองจะให้รอยเท้าที่ใหญ่เป็นพระมเหสีของท้าวจันทรเสน และรอยเท้าที่เล็กเป็นพระชายาของพระราชบุตร แต่เมื่อพบนางทั้งก็ปรากฏว่า รอยเท้าที่ใหญ่คือพระราชธิดา และรอยเท้าที่เล็ก นั้นคือ พระราชมารดา ดังนั้นพระราชธิดาจึงเป็นพระมเหสีของท้าวจันทรเสน และพระมารดาได้เป็นพระชายาของพระราชบุตร      ครั้นกษัตริย์ทั้งสององค์ทรงกระทำสัญญาแบ่งนางกันดังนี้แล้ว ก็ชักม้าตามรอยเท้านางเข้าไปในป่า       พระราชากับพระราชบุตรก็เชิญนางทั้งสองขึ้นบนหลังม้าองค์ละองค์ นางพระบาทเขื่องคือพระราชธิดาขึ้นทรงม้ากับท้าวจันทรเสน นางพระบาทเล็กคือพระมเหสีขึ้นทรงช้างกับพระราชบุตร สี่องค์ก็เสด็จเข้ากรุง          กล่าวสั้นๆ ท้าวจันทรเสน แลพระราชบุตรก็ทำวิวาหะทั้งสองพระองค์ แต่กลับคู่กันไป คือพระราชบิดาวิวาหะกับพระราชบุตรี  พระราชบุตรวิวาหะกับพระมเหสี แลเพราะเหตุที่คาดขนาดเท้าผิด ลูกกลับเป็นเมียพ่อ แม่กลับเป็นเมียลูก ลูกกลับเป็นแม่เลี้ยงของผัวตัวเอง แลแม่กลับเป็นลูกสะใภ้ของผัวแห่งลูกตน         แลต่อมาบุตรแลธิดาก็เกิดจากนางทั้งสอง แลบุตรแลธิดาของนางทั้งสองก็มีบุตรแลธิดาต่อๆกันไป         เวตาลเล่ามาเพียงครู่หนึ่ง แล้วกล่าวต่อไปว่า      “บัดนี้ข้าพเจ้าจะตั้งปัญหาทูลถามพระองค์ว่า ลูกท้าวจันทรเสนที่เกิดจากธิดาท้าวมหาพลลูกพระมเหสีท้าวมหาพลที่เกิดกับพระราชบุตรท้าวจันทรเสนนั้น จะนับญาติกันอย่างไร       พระวิกรมาทิตย์ได้ทรงฟังปัญหาก็ทรงตรึกตรองเอาเรื่องของพ่อกับลูก  แม่กับลูก แลกับน้องมาปนกันยุ่ง แลมิหนำซ้ำมาเรื่องแม่เลี้ยงกับแม่ตัว  แลลูกสะใภ้กับลูกตัวอีกเล่า           พระราชาทรงตีปัญหายังไม่ทันแตก พอนึกขึ้นได้ว่าการพาเวตาลไปส่งคืนโยคีนั้นจะสำเร็จก็ด้วยไม่ทรงตอบปัญหา จึงเป็นอันทรงนิ่งเพราะจำเป็นแลเพราะสะดวก  ก็รีบสาวก้าวดำเนินเร็วขึ้น           ครั้นเวตาลทูลเย้าให้ตอบปัญหาด้วยวิธีกล่าวว่าโง่ จะรับสั่งอะไรไม่ได้ ก็ทรงกระแอม           เวตาลทูลถามว่า          รับสั่งตอบปัญหาแล้วไม่ใช่หรือ          พระราชาไม่ทรงตอบว่ากระไร เวตาลก็นิ่งครู่หนึ่งแล้วทูลถามว่า           บางมีพระองค์จะโปรดฟังเรื่องสั้นๆ อีกสักเรื่องหนึ่งกระมัง          ครั้งนี้แม้แต่กระแอม พระวิกรมาทิตย์ก็ไม่ทรงกระแอม เวตาลจึ่งกล่าวอีกครั้งหนึ่งว่า         เมื่อพระองค์ทรงจนปัญญาถึงเพียงนี้ บางทีพระราชบุตรซึ่งทรงปัญญาเฉลียวฉลาดจะทรงแก้ปัญหาได้บ้างกระมัง           แต่พระธรรมวัชพระราชบุตรนิ่งสนิททีเดียว


                                  

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง


คำศัพท์        



กระเหม่น

เขม่น คือ อาการที่กล้ามเนื้อกระตุกเบาๆ ขึ้นเอง ตามลัทธิโบราณถือว่าเป็นนิมิตบอกเหตุร้ายหรือดี

โกรศ

มาตราวัดความยาว เท่ากับ 500 คันธนู

เขื่อง

ค่อนข้างใหญ่ ค่อนข้างโต

คุมกัน

รวมกลุ่มกัน

เครื่องประหลาด

สิ่งที่ทำให้คนประหลาดใจในความว่า “ความสาวของพระนางเป็นเครื่องประหลาดของคนทั้งหลาย

จำเพาะ

เพียง เฉพาะ

ซื้อน้ำใจ

ผูกใจ ในความว่า ใช้ทองคำซื้อน้ำใจนายทหารหมายถึง ติดสินบนด้วยทองคำเพื่อให้ทหารเข้ากับฝ่ายของตน

ดอกไม้ในสวน

เปรียบกับหญิงสาวที่อยู่ในรั้วในวัง

ดอกไม้ป่า

เปรียบกับหญิงสาวในชนบทหรือในหัวเมืองทั่วไป แต่มีความงามเป็นพิเศษ

ภิลล์

ชื่อชาวป่า อาศัยในแถบเขาวินธัยในอินเดีย

มูลเทวะบัณฑิต

เป็นชื่อตัวละครในนิทานสันสกฤต เล่าว่าเป็นผู้รู้ศิลปวิทยาและมักกล่าวถ้อยคำเป็นคติสอนใจ

แม่เรือน

ในที่นี้หมายถึงภริยาที่ดีมีหน้าที่ดูแลสามีและความเรียบร้อยภายในบ้าน เรียกว่า แม่ศรีเรือน

รี้พล

ทหาร

สัญญา

สัญญาณ ในข้อความที่ว่า ก็ทำสัญญาเรียกพลโจรออกมาทั้งหมด

สิ้นบุญ

ตาย

สู่

แบ่งให้ ในข้อความ เพื่อจะหาอาหารเสวยและสู่พระนางทั้งสองพระองค์

หนังสือ

วรรณคดี ในความที่ว่า ถ้าจะพูดตามเรื่องหนังสือ

หรอร่อย

คือ ร่อยหรอ หมายความว่า ค่อยๆ หมดไปทีละน้อย

เหล็ก

อาวุธที่ทำด้วยเหล็ก ในข้อความที่ว่า ใช้เหล็กเป็นอาวุธที่ซื้อน้ำใจไม่ได้


บทวิเคราะห์


ความดีเด่นด้านกลวิธีการแต่ง1 การใช้สำนวนโวหาร     นิทานเวตาล ฉบับพระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์  มีการใช้สำนวนโวหารเปรียบเทียบที่ไพเราะและทำให้เห็นภาพแจ่มชัดขึ้น2 การใช้กวีโวหาร      พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ ทรงแปลนิทานเวตาลด้วยภาษาที่กระชับ อ่านง่าย มีบางตอนที่ทรงใช้สำนวนภาษาบาลี ซึ่งไม่คุ้นหูผู้อ่านในยุคนี้ เพราะไม่นิยมใช้แล้วในปัจจุบัน



                      ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ นิทานเวตาล


คุณค่าด้านปัญญาและความคิด1 ความอดทนอดกลั้น           ความอดทนเป็นคำสอนในทุกศาสนา ดังนั้นเมื่อไม่ตอบปัญหาในเรื่องที่ 10 เวตาลจึงกล่าวชมว่า ทรงตั้งพระราชหฤทัยดีนัก พระปัญญาราวกับเทวดาและมนุษย์อื่นที่มีปัญญา จะหามนุษย์เสมอมิได้2 ความเพียรพยายาม            เวตาลมักยั่วยุให้พระวิกรมาทิตย์แสดงความคิดเห็นออกมา ทำให้พระองค์ต้องกลับไปปีนต้นอโศกเพื่อจับเวตาลใส่ย่ามกลายครั้ง3 การใช้สติปัญญา            การแก้ปัญหาต่างๆ จำเป็นต้องใช้สติและปัญญาควบคู่กันไป จากนิทานเวตาลเรื่องนี้ชี้ให้เห็นว่าการใช้ปัญญาของพระวิกรมาทิตย์อย่างเดียวนั้นไม่สามารถแก้ปัญหาและเอาชนะเวตาลได้ แต่พระองค์ต้องใช้สติประกอบกับปัญญาควบคู่กันไปจึงเอาชนะเวตาลได้4 ความมีสติ           ความเป็นผู้มีทิฐิมานะ ไม่ยอมในสิ่งที่ไม่พอใจ บางครั้งอาจส่งผลเสียต่อผู้นั้นเอง ดังนั้น การพยายามยับยั้งชั่งใจ  ไม่พูดมากปากไวจนเกินไป จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมากเพราะเมื่อใด เราคิดก่อนพูด ไม่ใช่พูดแล้วคิด เมื่อนั้นเราก็มีสติ สติเป็นสิ่งที่สำคัญเพราะเป็นพื้นฐานของสมาธิและปัญญา ถ้าไม่มีสติ สิ่งต่างๆที่เราทำไปหรือตัดสินใจไปโดยไร้สติอาจส่งผลร้ายเกินกว่าจะประเมินได้5 การเอาชนะข้าศึกศัตรู            ในการทำสงครามนั้นผู้ที่มีความชำนาญ มีเล่ห์เหลี่ยมในกลศึกมากกว่าย่อมได้ชัยชนะ6 ข้อคิดเตือนใจ              เครื่องประดับเป็นสิ่งที่ทำให้ได้รับอันตรายจากโจรผู้ร้าย แม้จะเป็นชายที่มีฝีมือเช่นท้าวมหาพลก็ตาม เมื่อตกอยู่ในหมู่โจรเพียงคนเดียว ย่อมเสียทีได้                     

                         รูปภาพที่เกี่ยวข้อง


คุณค่าด้านความรู้          การอ่านนิทานเวตาลทำให้ได้รู้ถึงวัฒธรรมและค่านิยมของชาวอินเดียในยุคโบราณ เช่น ค่านิยมที่ชายจะมีภรรยาได้หลายคนโดยเฉพาะชายสูงศักดิ์ เพราะถือส่าเรือนที่อบอุ่นจะต้องมีแม่เรือน                           


                                    




ที่มา https://sites.google.com